วิธีการปลูกถั่่วใต้ดิน

ถั่วลิสง เป็นพืชที่นิยมปลูกกันทั่วไป สามารถสร้างรายได้เสริมให้เกษตรกรได้เป็นอย่างดีในช่วงหลังฤดูเก็บเกี่ยว เกษตรกรนิยมปลูกถั่งลิสงในช่วงนี้เพราะพืชตระกูลถั่วช่วยปรับสภาพดินให้ดีขึ้นได้ ทำให้ดินมีความร่วนซุยดี เหมาะแก่การปลูกในพื้นที่ไร่นาหลังฤดูเก็บเกี่ยว เพราะหลังจากที่ปลูกถั่วลิสงเสร็จแล้วจะมีการปลูกข้าวนาปี จึงสามารถไถกลบต้นถั่ว รวมไปถึงเปลือกถั่วก็นำมาเป็นปุ๋ยในนาข้าวได้ สามารถประหยัดต้นทุนไปได้อีกทางหนึ่ง
Plant/4594_1.jpg
นายปั่น รู้คิด ซึ่งเป็นเกษตรกรผู้เชี่ยวชาญในการปลูกถั่วลิสงมานานกว่า 20 ปี และดำรงตำแหน่งเป็นผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านทรายกาด พ่อหลวงปั่นกล่าวกับทีมงานว่า เกษตรกรในหมู่บ้านทรายกาดจะทำนาปีเป็นหลัก พอเสร็จจากการเก็บเกี่ยวในแต่ละปีก็จะปลูกพืชผักสวนครัวหมุนเวียนกันไปตามฤดูกาล มีผักหลายชนิดด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ผักกาด กะหล่ำ ฟักทอง ข้าวโพด หอมแดง ถั่วเหลืองและถั่วลิสง ฯลฯ พืชแต่ละชนิดที่ปลูกก็จะเลือกปลูกตามความเหมาะสมของสภาพพื้นที่นั้นๆ รวมไปถึงเทคนิคและความชำนาญของเกษตรกรในแต่ละพื้นที่ และแหล่งน้ำก็เป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมาก พื้นที่ปลูกต้องมีน้ำอุดมสมบูรณ์และเข้าถึงได้ตลอดทั้งปี พ่อหลวงปั่นเลือกปลูกถั่วลิสงในช่วงหลังฤดูเก็บเกี่ยวเพราะจากประสบการณ์ในการปลูกถั่วลิสงมากว่า 20 ปี จึงรู้ว่าสภาพพื้นที่ของบ้านทรายกาดค่อนข้างเหมาะสมต่อการปลูกถั่วลิสง แต่บางครั้งก็มีปัญหาบ้าง เรื่องแหล่งน้ำที่ไม่เพียงพอเนื่องจากสภาวะแวดล้อมที่แห้งแล้ง แต่ที่ผ่านมาพ่อหลวงปั่นก็ใช้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์อันยาวนานแก้ไขปัญหาต่างๆ จนสามารถประสบความสำเร็จในการปลูกถั่วลิสงจนกลายเป็นรายได้หลักอีกอย่างของครอบครัวได้ 
Plant/4594_2.jpg
การเลือกพันธุ์ปลูก : พันธุ์ที่เกษตรกรนิยมปลูกและปลูกได้ผลผลิตดีในพื้นที่ภาคเหนือมีอยู่หลายพันธุ์ด้วยกันดังนี้คือ

1. พันธุ์ไทนาน 9 มีทรงต้นเป็นพุ่มตรง อายุเก็บเกี่ยว 95-105 วัน ติดฝักเป็นกระจุกที่โคนต้น เส้นลายฝักเรียบมี 2 เมล็ดต่อฝัก เยื่อหุ้มเมล็ดสีชมพู น้ำหนัก 100 เมล็ด 42.40 กรัม ให้ผลผลิตฝักแห้ง 260 กิโลกรัมต่อไร่ เหมาะสำหรับใช้ในรูปถั่วกะเทาะเปลือก (ถั่วเมล็ด)

2. พันธุ์ สข.38 มีทรงต้นเป็นพุ่มตรง อายุเก็บเกี่ยวฝักสด 85-90 วัน ฝักแก่เต็มที่ 95-105 วัน ติดฝักเป็นกระจุกที่โคนต้นเส้นลายฝักและจะงอยฝักเห็นได้ชัดเจน มี 3-4 เมล็ดต่อฝัก เยื่อหุ้มเมล็ดสีแดง น้ำหนัก 100 เมล็ด 38.90 กรัม ให้ผลผลิตฝักสด 510 กิโลกรัมต่อไร่ ผลผลิตฝักแห้ง 250 กิโลกรัมต่อไร่ เหมาะสำหรับใช้บริโภคในรูปถั่วต้มสด

3. พันธุ์ลำปาง มีทรงต้นเป็นพุ่มตรง อายุเก็บเกี่ยวฝักสด 85-90 วัน ฝักแก่เต็มที่ 95-110 วัน ติดฝักเป็นกระจุกที่โคนต้น เส้นลายฝักและจะงอยฝักเห็นได้ชัดเจน มี 3-4 เมล็ดต่อฝัก เยื่อหุ้มเมล็ดสีชมพู น้ำหนัก 100 เมล็ด 40.60 กรัม ให้ผลผลิตฝักแห้ง 280 กิโลกรัมต่อไร่ เหมาะสำหรับบริโภคในรูปถั่วต้มสด

4. พันธุ์ขอนแก่น 60-3 (ถั่วลิสงเมล็ดโต จัมโบ้) จำเป็นต้องทำลายระยะพักตัวโดยใช้สารอีเทรล ความเข้มข้น 3 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณ 9.5 มิลลิลิตรต่อน้ำ 1 ลิตร พรมเมล็ดพันธุ์พอหมาดปล่อยทิ้งไว้ 1 วัน ก่อนนำไปปลูก

การคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ที่ดีมีความสมบูรณ์เหมาะสมต่อการนำไปปลูกนั้น ต้องคัดเลือกจากเมล็ดที่มีขนาดใหญ่เต็มฝัก หลังจากได้เมล็ดที่มีขนาดสมบูรณ์ตามที่ต้องการแล้วก็จะนำไปตากให้แห้งประมาณ 4 แดด เมื่อเมล็ดแห้งสนิทแล้ว ก็นำไปกะเทาะเปลือกออกให้หมด หลังจากนั้นนำมาคัดเลือกเมล็ดที่สมบูรณ์อีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าเมล็ดพันธุ์ที่ได้มีความสมบูรณ์จริง เสร็จแล้วสามารถนำลงปลูกในแปลงปลูกที่เตรียมไว้
Plant/4594_3.jpg
การเตรียมดิน : 

1.)ลักษณะของดินที่เหมาะสำหรับการปลูกถั่วลิสงควรเป็นดินหน้าลึก ควรเป็นดินร่วนปนทราย ระบายน้ำได้ดี น้ำไม่ขัง เมื่อหน้าดินแห้งไม่ควรมีลักษณะแน่นหรือแข็งเกินไป โดยเฉพาะเมื่อถึงเวลาเก็บเกี่ยวเพราะจะทำให้ฝักขาดค้างอยู่ในดินมาก อุณหภูมิเฉลี่ยที่เหมาะสำหรับการเจริญเติบโตประมาณ 30 องศาเซลเซียส

2.) สิ่งสำคัญที่เกษตรกรผู้ปลูกถั่วลิสงต้องปฏิบัติในขั้นตอนของการเตรียมดิน คือ ดินต้องร่วนซุย ต้องมีการไถดินลึกประมาณ 15-20 เซนติเมตร พรวนและคราดเพื่อเป็นการกำจัดวัชพืช หากดินเป็นกรดควรใส่ปูนหรือหินฟอสเฟต การปรับสภาพดินให้เหมาะสมจะช่วยทำให้ธาตุอาหารพืชสามารถละลายออกมา และเป็นประโยชน์กับรากพืชที่จะดึงดูดไปใช้ในการเจริญเติบโตและให้ผลผลิตได้อย่างเต็มที่

3.)ยกแปลงเพื่อให้ดินมีการระบายน้ำดี ขนาดของแปลงควรมีความกว้างประมาณ 70 เซนติเมตร ให้ปลูก 3-4 แถวต่อแปลง ระยะปลูกระหว่างต้นประมาณ 20 เซนติเมตร ระยะระหว่างแถวประมาณ 30-50 เซนติเมตร ขึ้นอยู่กับพันธุ์และความอุดมสมบูรณ์ของดินถ้าหากปลูกถั่วลิสงพันธุ์ที่มีขนาดเมล็ดปานกลาง เช่น พันธุ์ไทนาน 9 ควรใช้ระยะระหว่างแถว 30 เซนติเมตร หากปลูกถั่วลิสงเมล็ดโต (พันธุ์จัมโบ้) ควรใช้ระยะระหว่างแถวประมาณ 50 เซนติเมตร

4.)วัดระยะห่างเรียบร้อยแล้วให้ใช้ไม้ที่เตรียมไว้ขุดหลุมปลูก แล้ววางเมล็ดพันธุ์ลงในหลุมปลูกประมาณ 4-5 เมล็ดต่อหลุม หลังจากนั้นใช้ดินกลบบางๆ เมื่อปลูกเสร็จแล้วให้นำน้ำเข้าแปลงปลูกตามร่องน้ำระหว่างแปลง เพื่อให้แปลงปลูกมีความชุ่มชื้น ไม่ควรให้น้ำขังนานแค่ให้ไหลผ่านเข้าแปลงแล้วให้น้ำไหลออกจากแปลง

5.)ฉีดพ่นด้วยยาฆ่าหญ้าและยาปราบศัตรูพืชจนทั่ว และควรมีการดูแลเรื่องน้ำเป็นอย่างดี ไม่ควรปล่อยให้ดินแห้ง
Plant/4594_4.jpg
การดูแลรักษา : 

1.)หลังปลูกประมาณ 1 เดือน ต้นถั่วลิสงจะงอกออกมา ให้นำน้ำเข้าแปลงจนชุ่มแล้วใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 สลับกับปุ๋ยหมักหว่านให้ทั่วแปลง เป็นการประหยัดต้นทุนได้อีกทางหนึ่ง เพื่อเป็นการบำรุงต้น ใบ และเมล็ดให้มีความอุดมสมบูรณ์เต็มที่

2.)ประมาณ 1 เดือนครึ่ง ถั่วจะเริ่มออกดอกสีเหลือก จะเริ่มใช้ฮอร์โมนฉีดพ่นเพื่อเป็นการเร่งการเจริญเติบโตของลำต้น และเมล็ด ให้ดูแลบำรุงรักษาเช่นเดียวกันนี้จนกระทั่งเก็บผลผลิต ซึ่งจะรวมระยะเวลาประมาณ 4 เดือน ถ้าเริ่มปลูกช่วงปลายเดือนมกราคมก็จะสามารถเก็บผลผลิตได้ในช่วงเดือนพฤษภาคม


** หลังจากที่เก็บผลผลิตเรียบร้อยแล้ว พ่อหลวงปั่นจะนำผลผลิตทั้งหมดจำหน่ายให้กับพ่อค้าโดยไม่มีการตาก จะจำหน่ายเมล็ดสดที่พึ่งเก็บจากต้น ในทุกปีพ่อหลวงปั่นจะปลูกในพื้นที่ประมาณ 4 ไร่ ผลผลิตต่อไร่จะได้ประมาณ 300 ถัง ซึ่งจะจำหน่ายในราคาถังละ 155 บาท 1 ถังจะมีน้ำหนัก 15 กิโลกรัม ราคาของถั่วลิสงจะมีความแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความนิยมของพันธุ์นั้นๆ ด้วย และปกติแล้วการจำหน่ายถั่วลิสงนั้นเกษตรกรในชุมชนจะมีการรวมตัวกันนำเอาถั่วลิสงมาจำหน่ายพร้อมกันเพื่อจะได้มีอำนาจในการต่อรองกับพ่อค้าที่มารับซื้อในแต่ละครั้ง
Plant/4594_5.jpg
การนำเศษเหลือมาทำปุ๋ย : 

การนำเปลือกของถั่วลิสงมาทำปุ๋ย เป็นเทคนิคการลดต้นทุนของพ่อหลวงปั่นคือการนำเอาเปลือกถั่วลิสงและเศษลำต้นของถั่วลิสงมากองรวมกัน ส่วนใหญ่จะทำในฤดูฝนเพราะฝนที่ตกลงมานั้นสามารถทำให้ย่อยสลายได้เร็วขึ้น หลังจากที่เกิดการย่อยสลายแล้วนั้นจะมีเห็ดชนิดหนึ่งออกมา ชาวบ้านเรียกว่า "เห็ดถั่ว" ซึ่งสามารถนำมารับประทานได้เหลือจากรับประทานก็นำไปขายสร้างรายได้อีกทางหนึ่ง เมื่อได้เก็บเห็ดที่ออกมาจนหมดแล้วก็ยังสามารถนำเศษของเปลือกถั่วและลำต้นที่ย่อยสลายนั้นมาทำเป็นปุ๋ยใช้ในไร่สวนได้อีกด้วย
อ้างอิงhttps://www.google.co.th

No comments:

Post a Comment