วิธีปลูกแตงกวา (Cucumber)
แตงกวา เป็นพืชที่นำผลมาใช้เป็นอาหาร มนุษย์เริ่มบริโภคแตงกวามานานกว่า 3,000 ปี ชาวจีนเป็นผู้แพร่พันธุ์แตงกวาไปสู่ประเทศต่างๆ ผลของแตงกวานำมาประกอบอาหารได้ในลักษณะดิบ และสุก นอกจากนี้ยังสามารถใช้ในอุตสาหกรรมทำอาหารดอง แตงกวาเป็นพืชที่ปลูกง่าย อายุสั้น การเจริญเติบโตเป็นพุ่มและมีเถาเลื้อย เดิมมีถิ่นกำเนิดอยู่แถบเอเชียแตงกวาเป็นพืชพวกเดียวกับแตงโม ฟัก ตำลึง บวบ ดังนั้นลำต้นจึงมีมือเกาะพยุงลำต้น ลำต้นเป็นเหลี่ยม มีขนปกคลุม ในต้นเดียวกันจะมีดอกตัวผู้และตัวเมีย เมื่อผสมเกสรจะเกิดผลที่ดอกตัวเมีย ขณะผลยังเล็กจะมีหนามเต็มไปหมด และหนามจะหลุดไปเมื่อผลโตขึ้น ผลมีหลายขนาดขึ้นอยู่กับพันธุ์ที่ปลูก ในบางกรณีสามารถผลิตแตงกวาที่ไม่มีเมล็ดได้ ซึ่งนิยมกันในต่างประเทศ
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโต แตงกวาชอบขึ้นในดินร่วนปนทราย การระบายน้ำดีชอบอากาศร้อน ถ้าปลูกในที่เย็นจัด อุณหภูมิประมาณ ซ เมล็ดแตงจะไม่งอกแต่จะฟักตัวอยู่ในดิน หากอุณหภูมิเริ่มอบอุ่นขึ้น เมล็ดนั้นจะกลับงอกขึ้นมาอีก หากอากาศเย็นจะให้ผลช้า อุณหภูมิที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโต ประมาณ 25 – ซ หรือสูงกว่านี้แตงก็โตได้ปกติ ประเทศไทยนับว่าเหมาะสมที่จะปลูกแตงกวามาก ยกเว้นในเขตที่มีอากาศเย็นจัด นอกจากนี้ แตงกวายังต้องการบรรยากาศที่แห้งด้วย ต้องการแสงแดดจัดตลอดวัน ความเป็นกรดด่างของดินประมาณ 5.5 – 6.8
การเตรียมดิน แตงกวาเป็นพืชที่มีระบบรากลึกปานกลาง ควรขุดไถให้หน้าดินลึกประมาณ 20 – 25 ซม. และควรใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเก่าลงไปในการเตรียมดินด้วย และเนื่องจากมักนิยมปลูกแตงแบบหยอดเมล็ดลงโดยตรงในแปลง ดังนั้น ผิวหน้าดินของแปลงปลูกควรละเอียดพอประมาณ
การปลูก มักใช้วิธีดังนี้
ปลูกเป็นหลุม ใช้ระยะระหว่างแถวประมาณ 1.5 เมตร ระยะระหว่างต้น 1 เมตร หรือ 1.5 – 1.5 เมตร โดยใช้เมล็ดหยอดหลุมละ 3 – 5 เมล็ด โดยให้ลึกลงไปในดิน 2.5 ซม. แล้วกลบด้วยปุ๋ยคอก การยกร่องปลูก หากปลูกเป็นแปลงใหญ่ นิยมปลูกแถวเดี่ยว และได้ระยะระหว่างแถวห่าง 1.5 ม. ระหว่างต้น 50 ซม. ในกรณีนี้มักไม่ปักไม้ค้าง หากพื้นที่ยกร่องเล็กๆ มักปลูกเป็นแถวๆ คู่ มักปักค้างให้เถาแตงเลื้อยขึ้นระยะปักใช้ 100 – 50 ซม. เมื่อหยอดเมล็ดเสร็จควรใช้ฟางคลุมและรดน้ำให้ดินชื้นอยู่เสมอ หลังจากแตงกวางอกและมีใบจริง 2 ใบ ควรถอนทิ้งให้เหลือหลุมละ 1 – 2 ต้น เมื่อเถาแตงอายุ 14 วัน จะเริ่มเลื้อย จึงมักปักค้างให้แตงโดยปักไม้ ปักหลุมละ 1 อัน และให้หลักเอนเข้าหากัน และมัดไว้ด้านบน ไม้ค้างควรยาว 2 เมตร
การปฏิบัติดูแลรักษา
การให้น้ำ ระบบการให้น้ำแบบ Furrow System มักให้ผลดี เพราะผิวดินจะชุ่มน้ำมากและเถาแตงไม่เปียกน้ำ หากให้น้ำระบบที่ทำให้เถาแตงเปียกน้ำ อาจเป็นบ่อเกิดของโรคเน่าได้ โรคเน่ามักเป็นที่ใบและลำต้น
การพรวนดิน ควรทำในระยะแรกเพื่อกำจัดวัชพืชในระยะต่อมาอาจทำลำบาก เพราะรากแตงจะอยู่ที่ผิวดินมาก หากพรวนดินจะกระทบกระเทือน ระบบรากทำให้ชะงักการเจริญเติบโต และประกอบกับเถาแตงมักเปราะง่าย ดังนั้น อาจทำให้การเจริญของแตงไม่ดี
การให้ปุ๋ย ในการใส่ปุ๋ยคอกตอนเตรียมดินมักใช้ในอัตรา 2 ต้น/ไร่ และมักใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 เป็นปุ๋ยรองพื้นด้วย การเจริญในระยะแรก ควรใส่โซเดียมในเตรต 1 ช้อนโต๊ะ/หลุม ต้นแตงจะแข็งแรงดี อาจใส่ 2 ครั้งภายใน 1 เดือนแรกของการเจริญเติบโต แต่เนื่องจากแตงเป็นผักที่รับประทานผล ดังนั้นในระยะหลังควรใส่ปุ๋ย 14-14-21 ในอัตรา 50 กก./ไร่ และปุ๋ยสูตรนี้อาจใส่เป็นปุ๋ยรองพื้นก็ได้
การเก็บเกี่ยว มักเริ่มเก็บผลแตงได้ เมื่อหลังจากหยอดเมล็ด 40 วัน และจะเก็บไปเรื่อยๆ อีกประมาณ 1 เดือน การเก็บต้องคำนึงถึงขนาดของผล และจุดประสงค์ของการใช้ในการดอง มักเก็บเมื่อผลมีอายุ 3 – 4 วันจากผสมเกสร ในการบริโภคสด มักเก็บเมื่ออายุ 6 – 7 วัน หลังจากผสมเกสรระยะผสมเกสรเป็นระยะที่ดอกแตงบาน หากทิ้งผลที่มีอายุมากไว้กับต้นแตง ต้นแตงจะโทรม ผลแตงอ่อนจะมีสีเขียวปนขาว ผลแตงแก่จะมีสีเหลือง หลังจากเก็บเกี่ยวมาอยู่ได้ 2 – 3 วัน คุณภาพจะเสื่อมลง แตงกวาพันธุ์พื้นเมืองของเรา มีขนาดประมาณ 7 – 10 ซม. พันธุ์ต่างประเทศ ขนาดของผลประมาณ 20 – 25 ซม. และผลอ่อนสีเขียวเข้มมาก
พันธุ์แตง พันธุ์แตงกวาสามารถจำแนกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ แตงกวาทานผลสดและแตงกวาดองสำหรับแตงกวาทานผลผสมควรมีเนื้อบางไส้ (เมล็ด) ใหญ่ สีของเปลือกไม่เขียวเข้ม และแตงกวาพวกนี้มี 2 ประเภท คือ ประเภทที่มีหนามดำ จะเก็บไว้ไม่ทนหลังจากเก็บเกี่ยวมาจากต้น มักเก็บรักษาไว้ได้ประมาณ 2 – 3 วัน ก็จะเสียคุณภาพ และอีกประเภทหนึ่งคือ หนามสีขาว จะมีคุณภาพในการเก็บรักษาได้ดีกว่า คือประมาณ 1 สัปดาห์ สำหรับแตงกวาดองเป็นแตงกวาที่ควรมีลักษณะเนื้อหนา ไส้ (บริเวณที่มีเมล็ด) เล็ก เปลือกสีเขียวเข้ม เมื่อนำไปดองจะกรอบแข็ง
พันธุ์ที่ทานผลสดมีดังนี้
- พันธุ์พื้นเมือง ผลมีขนาดไม่ใหญ่นัก ยาวประมาณ 7 – 10 ซม. ผลสีเขียวอ่อนปนขาว กรอบ ไส้ใหญ่ น้ำมาก
- Giant Climbing. Takii ผลขนาดใหญ่ยาวประมาณ 20 – 25 ซม. เส้นผ่าศูนย์กลางผล 6 ซม. เนื้อนุ่ม ผิวสีเขียว หนามสีขาว
- Belcanto Hybrid. Royal Sluis เป็นพันธุ์เบา ผลสีเขียวเข้มหนามยาว ผลขนาดใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลาง 5 – 6 ซม. ผลยาวประมาณ 24 – 26 ซม.
- Spring Swallow Hybrid ผลยาวประมาณ 25 – 30 ซม. ผลมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 7 ซม. ผิวสีเขียวเข้ม ผลผลิตสูง
พันธุ์แตงกวาดองมีดังนี้ (Prickle)
- Ofra Hybrid พันธุ์เบาเป็นลูกผสม อัตราส่วนของความยาว : ความหนา 3 : 1 ผลเรียบ ผอมไม่มีรสขม
- Kobus Hybrid พันธุ์ค่อนข้างเบา อัตราส่วนความยาว ความหนา 3 : 1 ผิวขรุขระเป็นหนาม
- Saladin Hybrid ผลมีลักษณะผอม สั้น มีหนามสีขาว ผิวสีเขียวเข้ม
- Pickle 152 Hybrid พันธุ์เบา ผลผอม ยาวถึง 30 ซม. สีเขียว เนื้อหนา มีหนามขาวเล็กๆ
การดองแตงทำได้ดังนี้
- ทำให้เปรี้ยว โดยนำแตงมาแช่น้ำเกลือประมาณ 4 – 5 วัน แตงจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวอมเหลือง มีรสเปรี้ยวๆ เค็มๆ
- หากต้องการให้แตงมีรสอื่น เช่น เปรี้ยวด้วยน้ำสม ก็ให้นำแตงในข้อ 1 มาล้างน้ำ ผึ่งให้แห้งแล้วแช่ในน้ำส้ม
- หากต้องการให้แตงมีรสหวาน ก็ให้นำแตงในข้อ 1 มาล้างน้ำแล้วผึ่งให้แห้ง แล้วนำมาใส่ในน้ำเชื่อม
การผลิตเมล็ดพันธุ์ เนื่องจากแตงอาจมีการผสมข้าม ดังนั้น ในการผลิตเมล็ดพันธุ์จึงไม่ควรปลูกพันธุ์อื่นใกล้เคียง การเก็บต้องเก็บตอนผลแก่ ผลจะเหลืองเข้มจนเป็นน้ำตาล ผิวเริ่มมีรอยแตก นำผลมาผ่าแคะเมล็ดออก นำเมล็ดที่ติดเนื้อนั้นมาหมัก 2 วัน คนๆ แล้วแยกเนื้อกับเมล็ดออกมาล้างน้ำผึ่งให้แห้ง ตอนหมักใช้ HCI เข้มข้นในอัตรา HCI 10 ซซ./เมล็ด 1 กก. หยดลงใปในถังหมัก แล้วคนตลอดเวลา จะเร่งระยะเวลาให้เมล็ดหลุดเร็วขึ้น เมล็ดที่ตากแห้งดีแล้วนั้น นำมาเก็บที่อุณหภูมิต่ำและความชื้นต่ำจะเก็บได้นาน
โรคและแมลง โรคเข้าทำลายแตงแล้วทำให้ผลผลิตของแตงต่ำลง มีดังนี้
- Bacterial Wilt เป็นเชื้อแบคทีเรีย เข้าทำลายใบแตง ต้นแตงเหี่ยวตาย มีแมลงปีกแข็งเป็นพาหะ ต้องทำลายวัชพืชที่เป็นที่อยู่อาศัยของแมลงหรือใช้พันธุ์แตงที่มีความต้านทานโรคนี้
- Anthracnose ทำลายต้น ผลเป็นเชื้อรา ต้องนำเมล็ดพันธุ์มาคลุกยากันราก่อนปลูก หรือใช้พันธุ์ต้านทาน
- Angular leaf Spot เป็นเชื้อราทำให้ผล ใบ เน่า ลุกรามรวดเร็ว ป้องกันโดยจุ่มเมล็ดลงใน อัตรา 1 / 1,000 นาน 5 นาที แล้วล้าง ตากให้แห้งก่อนไปปลูกหรือใช้พันธุ์ต้านทาน ต้นเป็นโรคฉีดพ่นด้วย Streptomycin
- Downy Mildew เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อรา ทำลายที่ใบ ใบมีจุดเหลือง ทำให้ชะงักการเจริญเติบโต ผลไม่มีคุณภาพ ใช้ยา Nabam, Zineb
- Mosiac of cucumber เกิดจากเชื้อไวรัส โดยมีอาการเหี่ยวแห้งอย่างรวดเร็ว ผลเป็นปุ่มป่ำ มีสีซีดๆ เกิดเป็นแถบๆ มีเพลี้ยอ่อนเป็นพาหะ ต้องกำจัดวัชพืชบริเวณปลูกแตง และอย่าให้เถาแตงเป็นแผล อาจใช้พันธุ์ต้านทาน
No comments:
Post a Comment